วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

learning log 7 ในห้องเรียน

Learning  log  7  (ในห้องเรียน)
                หัวใจของภาษาอังกฤษ  คือ  หลักไวยากรณ์  แต่หลายๆคนคิดว่าหลักไวยากรณ์มีแค่เรื่อง  กาล  (tenses)  แต่ในความเป็นจริงหลักของการใช้ไวยากรณ์ในภาษอังกฤษมีมากมาย  คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจเรื่องไวยากรณ์มากนัก  เพราะเขาไม่ค่อยได้ใช้  โดยทั่วไปเขาใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารมากกว่า  ทักษะอื่นและการพูดส่วนใหญ่จะไม่เป็นหลักไวยากรณ์  เพราะเอาแค่เราสามารถสื่อสารได้ก็เป็นอันว่าได้  แต่เมื่อเชื่อมมาสู่ทักษะการเขียน  การอ่าน  หลักไวยากรณ์  ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
                ในการเขียนเราจะต้องเอาหลักไวยากรณ์เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายเกือบจะทุกเรื่องก็ว่าได้  เช่น  การเขียนเล่าเรื่องจะต้องใช้  tense  อะไร  มีกริยาอยู่ในรูปใด  ประธานเป็นเอกพจน์  กริยาจะเติมอะไรเป็นต้น  และรวมถึงในการอ่านเราจะต้องเข้าใจหลักไวยากรณ์ด้วยเพราะจะทำให้เราอ่านและถอดแปลความเนื้อหาจากเรื่องที่อ่านได้อย่างชัดเจนถูกต้องและครบถ้วน  คือ  ในคาบเรียนอาจารย์ได้สอนเรื่อง  If-clause
                If-clause  หรือเรียกว่าประโยคเงื่อนไขใช้ในการสมมุติเหตุการณ์ต่างๆที่เราอยากให้เป็น  สามารถแบ่งได้เป็น  3  ประเภท  ถ้าพูดในแบบภาษาในปัจจุบันหรือภาษาที่วัยรุ่นใช้กันมากก็คือ  “การมโน”  หรือการคาดคิด  อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่  ถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะช่วงเวลาที่ไกลออกไป  อาจใช้เวลานานกว่าจะเกิด  สำหรับตัวผมผมคิดว่า  If-clause  ถือเป็นไวยากรณ์ที่ทำให้เรามีเป้าหมายชีวิตก็เป็นได้  เพราะเราจะใช้มันในการสมมุติสิ่งที่จะเกิดในอนาคตของเราและเราจะตั้งใจเพื่อให้เราบรรลุสิ่งที่ตั้งไว้และประสบผลจากมัน
                If-clause  ประเภทแรก  คือ  เป็นการสมมุติ  เหตุการณ์ที่สามารถเป็นไปได้จะมีรูปแบบ  คือ  If  + present  tense  verb,  will  l  may  l  can  +    เช่น  If  you  help  me  with  this  assignment,  I  will  help  you  with  your  homework.  ประโยคเป็นเหตุการณ์ในปัจจุบันและอาจเป็นไปได้
                ประเภทที่  2  คือ  ใช้สำหรับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เป็นจริงไม่ได้  แต่จะใช้รูปแบบประโยคในอดีต  คือ  If  +  Past  tense  verb,  Would/might/could  +  V  เช่น  If  I  became  president,  I  would  change  the  healthcare.  อันนี้คือเหตุที่สมมุติในปัจจุบันแต่เป็นไปไม่ได้ในขณะที่พูดและ  If  l  won  a  lottery,  I  would  stop  teaching  เป็นเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้  หรือถ้าเป็นไปได้ก็บ่อยมากจนเป็นไปไม่ได้เลย
                ประเภทที่  3  ใช้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในอดีต  เป็นการกล่าวสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นหรือสมมุติขึ้นในอดีต  ใช้ในรูปแบบประโยค  I  +  past  perfect  tense  verb,  would  have  +  V-ed  เช่น  If  I  had  had  enough  money,  I  would  have  gore  to  Japan.  คือเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตและเป็นไปไม่ได้  เป็นแค่การมโนถึงในช่วงฝันที่ผ่านมาว่าถ้ามีแบบนั้นก็คงจะเป็นแบบนั้น  แต่มันไม่ใช่ความจริงที่เกิดขึ้น
                และจากข้อมูลข้างต้นก็จะทำให้เราได้นำเอาเรื่องของ  If-clause  ไปประยุกต์ในงานแปลของเราและจะทำให้งานแปลมีคุณภาพ  แต่ก็ไม่ใช่แค่การแปล  แต่จะช่วยให้เราอ่านเรื่องนั้นๆเข้าใจง่ายขึ้นอีกด้วย  รวมไปถึงการนำไปประยุกต์ใช้กับงานเขียนของเราอีกด้วย  ให้งานเขียนดูน่าสนใจ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น