Learning log
4 (นอกห้องเรียน)
เรื่อง
อยากเป็นนักแปลเริ่มต้นอย่างไร
การจะเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษเราจะต้องรู้คำศัพท์ให้มากๆ และสามารถแปลความหมายของคำเหล่านั้นได้
แต่ละคนมีทักษะการแปลที่แตกต่างกันและใช้เครื่องมือแตกต่างกัน เช่น
บางคนชอบใช้ดิกเชนรี,เครื่องมือ It
หรือแม้แต่เว็บไซต์
เพื่อช่วยในการแปล
แต่ก็ช่วยได้แค่บางส่วน
การที่เราพยายามฝึกหัดการแปลภาษาด้วยตนเอง
จะทำให้เราเกิดทักษะมากมายในชีวิต
การจะเป็นคนแปลหรือนักแปลที่มีหลายประการ
เป็นลำดับเป็นขั้นตอน
“ความรู้”
นักแปลจะต้องมีความรู้ทางด้านภาษาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ถ้าภาษาต้นและภาษาทางจะสามารถตีความต้นฉบับได้เร็ว หากคุณเป็นคนรักการอ่าน
และศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลาก็จะเป็นการเพิ่มทักษะการแปลให้แก่เรา ความรู้ทางด้านภาษาจะต้องมาจากการฝึกฝน การฝึกฝนจะต้องเก็บสะสมเป็นเวลานาน จึงจะได้ผลดี
“การฝึกฝน” เมื่อนักแปลมีความรู้ทางด้านภาษาแล้ว นักแปลจะต้องฝึกฝน เปรียบเสมือนนักรบจะต้องฝึกซ้อมก่อนออกสนาม การฝึกแปลไม่ใช่ฝึกอ่านแล้วคิดในใจ แต่จะต้องฝึกอย่างจริงๆ เขียนลงกระดาษเพื่อเป็นประสบการณ์จากการลงมือทำ การฝึกหัดเปรียบเสมือนการหล่อหลอม
สิ่งที่ได้เรียนรู้เข้าด้วยกันจะทำให้บรรลุผล การหัดแปลจะทำให้เรารู้จักป้องกันต่อปัญหาต่างๆได้ดี เช่น
ไฟดับ,
คอมพิวเตอร์เสีย
เพราะบางครั้งในการแปลอาจจะต้องมีเครื่องมือมาเกี่ยวข้อง
“เครื่องมือ”
ถ้าต้องการถามว่านักแปลใช้เครื่องมือใดในการแปล ก็สามารถตอบได้เลยว่า
ในยุคนี้ไม่ค่อยมีนักแปลใช้เครื่องมือใดในการแปล แต่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการแปล เช่น
คอมพิวเตอร์,เครื่องโทรสาร เครื่องพิมพ์
ซอฟต์แวร์ต่างๆ
เพราะใช้งานได้สะดวกและสามารถแก้ไขได้ง่าย
ยิ่งปัจจุบัน สื่อ It
เข้ามามีบทบาทมากขึ้น
การแปลจึงง่ายแค่เอื้อมือ
การที่เราจะแปลงานให้ได้คุณภาพ เราก็จะต้องสำรวจจุดยืนของตัวเองว่าตัวเองมีความชอบความถนัดงานแปลประเภทใด เช่น
งานแปลวรรณคดี, งานแปลภาพยนตร์ งานแปลวิชาการ
เป็นต้น
เพราะไม่มีใครเชี่ยวชาญหมดทุกด้าน
ดังนั้นเราควรหาจุดยืนให้ชัดเจนก่อนว่าเราต้องการแปลด้านใด และวางแผนงานให้รอบคอบ ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกแปลงานชนิดใดเราต้องรู้จักตัวเองว่าชอบอะไรถนัดอะไร จะทำให้งานออกมาดีมีคุณภาพ
ในการจะเป็นนักแปลไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่ก็ไม่มีอะไรยากกว่าใจตัวเองที่อยากจะลองอยากจะทำ แต่ละคนมีทักษะที่ต่างชอบต่างกัน เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้ตัวเองว่าชอบอะไรถนัดอะไร
จากนั้นก็ทบทวนความรู้ความสามารถของตนแล้วทำการฝึกฝน ภาษาอังกฤษยิ่งทดลองใช้มากยิ่งดี เราจะจำและใช้ติดเป็นนิสัย
แต่ในการนำเสนองานหรือการทำงานเราจะต้องมีเครื่องมือเข้ามามีบทบาท ยิ่งปัจจุบันยุค IT ระบาดและเป็นที่ยอมรับของสังคม เขาก็จำเป็นต้องใช้ให้เป็น ดังนั้นการที่จะเป็นนักแปลได้ ก็คือ
จะต้องมีความรู้
ฝึกฝนโดยใช้เครื่องมือ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ รู้จักตนเอง
ว่าชอบอะไรถนัดอะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น