วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

learning log 4 นอกห้องเรียน

Learning  log  4  (นอกห้องเรียน)
เรื่อง  อยากเป็นนักแปลเริ่มต้นอย่างไร
                การจะเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษเราจะต้องรู้คำศัพท์ให้มากๆ  และสามารถแปลความหมายของคำเหล่านั้นได้  แต่ละคนมีทักษะการแปลที่แตกต่างกันและใช้เครื่องมือแตกต่างกัน  เช่น  บางคนชอบใช้ดิกเชนรี,เครื่องมือ  It  หรือแม้แต่เว็บไซต์  เพื่อช่วยในการแปล  แต่ก็ช่วยได้แค่บางส่วน  การที่เราพยายามฝึกหัดการแปลภาษาด้วยตนเอง  จะทำให้เราเกิดทักษะมากมายในชีวิต  การจะเป็นคนแปลหรือนักแปลที่มีหลายประการ  เป็นลำดับเป็นขั้นตอน
                “ความรู้”  นักแปลจะต้องมีความรู้ทางด้านภาษาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  ถ้าภาษาต้นและภาษาทางจะสามารถตีความต้นฉบับได้เร็ว  หากคุณเป็นคนรักการอ่าน  และศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลาก็จะเป็นการเพิ่มทักษะการแปลให้แก่เรา  ความรู้ทางด้านภาษาจะต้องมาจากการฝึกฝน  การฝึกฝนจะต้องเก็บสะสมเป็นเวลานาน  จึงจะได้ผลดี
                “การฝึกฝน”  เมื่อนักแปลมีความรู้ทางด้านภาษาแล้ว  นักแปลจะต้องฝึกฝน  เปรียบเสมือนนักรบจะต้องฝึกซ้อมก่อนออกสนาม  การฝึกแปลไม่ใช่ฝึกอ่านแล้วคิดในใจ  แต่จะต้องฝึกอย่างจริงๆ  เขียนลงกระดาษเพื่อเป็นประสบการณ์จากการลงมือทำ  การฝึกหัดเปรียบเสมือนการหล่อหลอม  สิ่งที่ได้เรียนรู้เข้าด้วยกันจะทำให้บรรลุผล  การหัดแปลจะทำให้เรารู้จักป้องกันต่อปัญหาต่างๆได้ดี  เช่น  ไฟดับ,  คอมพิวเตอร์เสีย  เพราะบางครั้งในการแปลอาจจะต้องมีเครื่องมือมาเกี่ยวข้อง
                “เครื่องมือ”  ถ้าต้องการถามว่านักแปลใช้เครื่องมือใดในการแปล  ก็สามารถตอบได้เลยว่า  ในยุคนี้ไม่ค่อยมีนักแปลใช้เครื่องมือใดในการแปล  แต่จะใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการแปล  เช่น  คอมพิวเตอร์,เครื่องโทรสาร  เครื่องพิมพ์  ซอฟต์แวร์ต่างๆ  เพราะใช้งานได้สะดวกและสามารถแก้ไขได้ง่าย  ยิ่งปัจจุบัน  สื่อ  It  เข้ามามีบทบาทมากขึ้น  การแปลจึงง่ายแค่เอื้อมือ
                การที่เราจะแปลงานให้ได้คุณภาพ  เราก็จะต้องสำรวจจุดยืนของตัวเองว่าตัวเองมีความชอบความถนัดงานแปลประเภทใด  เช่น  งานแปลวรรณคดี,  งานแปลภาพยนตร์  งานแปลวิชาการ  เป็นต้น  เพราะไม่มีใครเชี่ยวชาญหมดทุกด้าน  ดังนั้นเราควรหาจุดยืนให้ชัดเจนก่อนว่าเราต้องการแปลด้านใด  และวางแผนงานให้รอบคอบ  ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกแปลงานชนิดใดเราต้องรู้จักตัวเองว่าชอบอะไรถนัดอะไร  จะทำให้งานออกมาดีมีคุณภาพ
                ในการจะเป็นนักแปลไม่ใช่เรื่องง่าย  แต่ก็ไม่มีอะไรยากกว่าใจตัวเองที่อยากจะลองอยากจะทำ  แต่ละคนมีทักษะที่ต่างชอบต่างกัน  เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้ตัวเองว่าชอบอะไรถนัดอะไร  จากนั้นก็ทบทวนความรู้ความสามารถของตนแล้วทำการฝึกฝน  ภาษาอังกฤษยิ่งทดลองใช้มากยิ่งดี  เราจะจำและใช้ติดเป็นนิสัย  แต่ในการนำเสนองานหรือการทำงานเราจะต้องมีเครื่องมือเข้ามามีบทบาท  ยิ่งปัจจุบันยุค  IT  ระบาดและเป็นที่ยอมรับของสังคม  เขาก็จำเป็นต้องใช้ให้เป็น  ดังนั้นการที่จะเป็นนักแปลได้  ก็คือ  จะต้องมีความรู้  ฝึกฝนโดยใช้เครื่องมือ  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด  คือ  รู้จักตนเอง  ว่าชอบอะไรถนัดอะไร














ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น