วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

learning log 10 นอกห้องเรียน

Learning  log 10 (นอกห้องเรียน)
                การทำงานสามารถให้คนทุกคนหรือคนอื่นๆช่วยเราได้  เพื่อให้งานออกมาดีประสบผลสำเร็จ  แต่สิ่งที่ไม่สามารถทำแทนกันได้  คือ  การเพิ่มพูนรอยหยักในสมองของตัวเอง  คือ  การหาความรู้ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองโดยไม่มีขีดจำกัด  สามารถฝึกฝนได้ทุกที่  ทุกเวลา  ได้ตามความต้องการของเรา  คนเราแต่ละคน  มีความชอบความถนัดที่แตกต่างกัน  แต่ในโลกปัจจุบันผมคิดว่าคนทุกเพศทุกวัยมักจะใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีความทันสมัยเข้ามาผนวกกับการใช้ชีวิตมากขึ้น  แต่บางคนก็ใช้ไปในทางที่ผิด  ซึ่งไม่เกิดความรู้แก่ตนเอง  หรืออาจเกิดได้น้อยมาก  แต่สำหรับผมผมไม่ชอบการค้นหาหนังสือในห้องสมุด  และบางครั้งอาจคิดจำมันอาจล้าสมัย  ผมจึงชอบหาความรู้จากสื่อมากกว่า
 6  ตุลาคม  2558  ผมฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษโดยอ่าน  บทความเรื่อง  about  me  จาก  www.ภาษาอังกฤษออนไลน์.com  โดยจากเว็บไซต์จะมีบทความให้เราเลือกเพื่อนำไปใช้สอนเด็กหรือใช้ฝึก  ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน  หลักไวยากรณ์ต่างๆที่จะทำให้เราได้ฝึก  และหลังจากมีการฝึกยังมีขอสบให้เราได้ทำ  เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของเราว่าเราสามารถทำได้หรือไม่  หลังจากที่ได้เรียนรู้จากเว็บไซต์  มีหลากหลายอย่างที่จะให้เราฝึกและจะมีเกร็ดความรู้ทางภาษาเพิ่มเติมในแต่ละเรื่องให้เราด้วย
จากการเข้าชมเว็บไซต์ผมได้ลองฝึกการอ่านบทความเรื่อง  about  me  เป็นบทความที่สั้น  ใช้ภาษาง่ายระดับปานกลาง  เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มอ่าน  จากบทความเป็นเรื่องราวของเด็กชายเชียงใหม่  อายุ  10  ปี  อาศัยอยู่ในฟาร์มกับตาและยาย  เพราแม่ของเขาไปทำงานในเมือง  เขาเลี้ยงสัตว์หลายชนิด  เขามีน้องสาวหนึ่งคนเป็นคนสนุกสนานตลก  ชอบหัวเราะเสียงดังทั่วไปทั้งฟาร์ม  เขาชอบไปโรงเรียนเพราะได้พบสิ่งใหม่ๆทุกวัน  เขาทำการบ้านหนักมากเพราะอยากได้เกรดดีๆ  ครอบครัวของเขาภาคภูมิใจกับเขา  สาเหตุที่ผมเลือกฝึกเรื่องนี้เพราะประโยคแต่ละประโยค  จะมีหลักแกรมม่าให้เราฝึกทักษะและดูการเขียนบรรยาย  และในบทความเขียนรูปแบบเหมือนเรียงความทำให้เราวามารถใช้ในวิชาการเขียนได้ดีด้วย
7  ตุลาคม  2558  ฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษจากเพลง  www.youtube.com  เพลง  Call  me  maybe  ของ  Carly  Rae  jepsen  เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ขอพรโดยการโยนเหรียญลงไปในบ่อน้ำ  เธอขอให้เธอได้พบใครสักคนที่รักเธอ
เหตุผลที่ผมเลือกฝึกเพลงนี้  เนื่องจากการไปทำการบ้านห้องของเพื่อนและเพื่อนได้เปิดเพลงนี้  ผมจึงชอบในจังหวะเลยตัดสินใจเปิดเพลงนี้อีกครั้ง  เพื่อเป็นการฝึกทักษะเสริมทางภาษาอังกฤษ  สิ่งที่ได้จากเพลงนอกเหนือจากความสนุกแล้วยังได้การเสริมทักษะการฟัง  และคำศัพท์  แต่สิ่งที่ได้มากที่สุด  คือ  ทักษะการพูด
8  ตุลาคม  2558  ผมได้ฝึกทักษะการอ่าน  จาก  www.leaningenglish.voanews.com  เรื่อง  Whales  Spring  to  Life  on  Ocean  Floor  จากเว็บไซ๖จะมีข่าวที่เป็นภาษาพิมพ์  แล้วมีรูปภาพประกอบและจะมีคลิปเสียง  เมื่อให้เราดาวโหลดลงมาแล้วเปิดไปพร้อมๆกับการดูภาษาเขียน  จากข่าวดังกล่าวผมไม่ได้ฝึกอะไรมาก  ผมฝึกการออกเสียงคำศัพท์แต่ละคำ  และการ  link  เสียงของคำแต่ละคำ  และถ้าหากเราฟังคำนั้นไม่ชัดเราสามารถเอาเมาส์ไปกดที่ตัวอักษรแล้วจะขึ้นความหมาย  และคำอ่านพร้อมสามารถให้โปรแกรมพูดออกเสียงคำศัพท์คำนั้นได้  ซึ่งผมคิดว่าจะสามารถพัฒนาทักษะการพูดได้ดีและผมคิดว่าจะเข้าชมเว็บไซต์ต่อไปเรื่อยๆ
9  กันยายน  2558  ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนว่าผมเป็นคนที่โชคดี  เพราะได้ฝึกภาษาอังกฤษกับเข้าของภาษาโดยตรง  เพราะน้าของผมมีแฟนเป็นชาวต่างชาติ  และน้าผมได้กลับมาทำบุญวันสารทเดือนสิบ  และพาสามีและพ่อแม่ของสามีมาด้วย  ผมจึงเริ่มใช้โอกาสที่มีให้เหมาะสมที่สุดกับการฝึกพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติโดยตรง  แฟนของน้าผมชื่อ  “สจ๊วต”  แต่เขาสามารถพูดภาษาไทยได้  แต่ไม่ชัดเจนมากนัก  ผมเลยบอกให้สจ๊วตใช้ภาษาอังกฤษ  เวลาพูดกับผม  เขาสงสัยว่าทำไมผมต้องการให้เขาพูดภาษาอังกฤษ  ผมเคนบอกเขาว่าผมต้องการฝึกการใช้ภาษาอังกฤษ  ผมเคยเจอกับสจ๊วตตอนผมอายุประมาณ  14  ปี  ซึ่งตอนนั้นผมไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้  เลยใช้ภาษาไทยในการสื่อสารแทน
วันนี้ผมได้กลับมาจากมหาลัยไปบ้านประมาณ  4  โมงเย็น  เมื่อกลับถึงบ้านผมก็ได้เจอกัน  สจ๊วตและครอบครัว  และผมจะต้องพาพวกเขาไปพักที่โรงแรมลิกอร์  ในระหว่างทางเราได้แวะทานข้าวที่ร้านครัวนายหนัง  พวกเขาถามเมนูอาหารเกี่ยวกับผม  ผมเลยบอกว่าอาหารส่วนใหญ่จะเผ็ด  พวกเขาบอกว่าทานได้  เพราะน้าสาวของผมเคยทำให้ทาน  พวกเขาชอบทานอาหารไทย  เพราะเมื่อกลับจากทำงาน  น้าของผมมักทำอาหารไว้เสมอ  และหลังจากนั้นผมก็พาพวกเราไปส่งโรงแรม  แล้วกลับบ้าน  ผมรู้สึกยังอายๆอยู่เลยไม่ค่อยกล้าพูด  แต่ก็ถือว่าได้ฝึกกับชาวต่างชาติจริงๆ  ถือว่าเป็นการฝึกไปเรื่อย
                10  ตุลาคม  ผมออกเดินทางไปรับสจ๊วตและครอบครัวที่โรงแรม  แต่เมื่อไปถึงพ่อและแม่ของเขายังเมาอยู่  เลยพักอยู่ที่โรงแรม  และผมพาสจ๊วตกับน้าของผมกลับมาบ้าน  เขาบอกผมว่าอยากเที่ยว  ผมเลยพาเขาไปบ้านคีรีวง  และไปเล่นน้ำที่ท่าหา  เขาบอกผมว่า  “เขาชอบที่นี่  ที่นี่อากาศดี”  เมื่อเรานั่งรถกลับบ้าน  ผมเลยเริ่มถามเขาว่า  เขาทำอะไร  เขาบอกว่าเขาเปิดร้านขายแอลกอฮอล์กับเพื่อนของเขา  เขาชอบดื่มแอลกอฮอล์และดื่มทุกวัน  จากการไปเที่ยววันนี้ก็เป็นการฝึกการพูดเช่นกัน  สิ่งที่ได้เรียนรู้  คือ  การพูดการออกเสียง  สจ๊วตเป็นคนพูดสำเนียงช้าๆและชัด  อาจะเป็นเพราะผมอาจไม่เก่งสักเท่าไร  เขาเลยพูดช้าๆชัดๆให้ผมเข้าใจ  แต่สื่อที่ไม่ได้อาจเป็นไวยากรณ์  ตอนที่ผมพูดผมไม่คำนึงถึงไวยากรณ์  เอาแค่สื่อสารรู้เรื่อง  แต่บางประโยคผมต้องให้น้าช่วย  อาจเป็นเพราะผมรู้คำศัพท์น้อยไป  และบางครั้งอาจพูดไทยผสมอังกฤษ
12  ตาคม  วันนี้เป็นวันที่พวกเราทุกคนออกไปวัดเพื่อทำบุญเดือนสิบ  รวมถึงสจ๊วสและครอบครัวด้วย  เขาถามน้าผมว่าทำไมต้องมาวัดวันนี้  เขาทำอะไรกัน  น้าผมเลยบอกให้ถามผม  ผมเลยนึกถึงวิชาของอาจารย์ชาร์ค  คือ  วันสารทเดือนสินจะคล้ายๆกับวัน  Halloween  ของเขา  คือวันที่คนที่ตายจะกลับมาบ้าน  แต่เราไม่ต้องแต่งตัวเป็นผี  แต่เราต้องไปวัดแล้วทำบุญให้เขา  จากการที่ผมได้พาสจ๊วตและครอบครัวไปเที่ยว  สิ่งที่ผมได้นอกเหนือจากความสนุกแล้ว  คือ  ทักษะการพูด  และทักษะการฟัง  และทักษะการแปล  ซึ่งเป็นการฝึกทักษะทางภาษาได้ด้วยตัวเอง  เพื่อเสริมทักษะดังกล่าวให้แก่ตัวเอง

จากการได้ใช้ชีวิตประจำวันของผมในหนึ่งอาทิตย์  สิ่งที่ผมได้ฝึกมากที่สุดในสัปดาห์นี้  คือ  การพูดและการฟัง  ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นทางภาษาอังกฤษที่จะทำให้เราเก่งและมีความรู้ในเรื่องภาษามากขึ้น  ดังนั้น  คนเราเมื่อมีโอกาสหรือโอกาสมาถึงก็ควรคว้าไว้เหมือนผม  เมื่อมีชาวต่างชาติมาอยู่กับเราเราก็ควรใช้เวลาให้เหมาะสม  นั่นคือ  ฝึกทักษะการพูด  การฟัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น