สรุปการเข้าอบรม
“เทคนิคการสอนภาษาอังกฤษแบบบูรณาการทักษะ”
วันที่ 30
ตุลาคม 2558 ( ภาคเช้า )
วันที่
30 ตุลาคม 2558
เป็นการอบรมอีกครั้ง
และก็เป็นวันสุดท้าย
การเริ่มต้นของการเข้าอบรมในวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นด้วย
การเปรียบเทียบความเหมือนต่างของรูปแบบการเรียนการสอน ทั้งในแบบดั้งเดิมและแบบใหม่ จากการช่วยกันพิจารณาข้อมูลทั้งสองแบบ สามารถสรุปได้ว่า การสอนแบบดั้งเดิมยังคงมีข้อดีมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม ครูควรนำมารวมกับการสอนในรูปแบบใหม่ โดยการใช้สื่อ
IT
เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการห้องเรียน แต่ต้องดูความเหมาะสม
จากนั้นวิทยากรก็เริ่มเรื่องวิธีการสอนภาษาอังกฤษในศตวรรษที่ 21
ประเด็นแรก
คือ The Grammar
Translation Method ( การสอนแบบไวยากรณ์และการแปล
)
การสอนแบบนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการสอนศาสนา ไม่เป็นการฟังและการพูด แต่เป็นการเรียนไวยากรณ์และการแปล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านตำราได้
และการสอนรูปแบบดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอ่านบทเรียนได้อย่างเข้าใจ เน้นการท่องจำและความถูกต้องในการใช้ภาษา
ประเด็นที่สอง
The Direct
Method (
วิธีสอนแบบตรง ) คือ
ควรให้ผู้เรียนได้สื่อสารด้วยภาษาที่ได้เรียน และเพื่อให้ประสบผลสำเร็จ ควรให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิธีการคิดที่จะใช้ภาษาที่เรียน และสื่อสารเรื่องราวกับเหตุการณ์จริง
เพื่อให้ผู้เรียนใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้ เริ่มจากการสอนระบบเทียบ
ให้ผู้เรียนฝึกเลียนแบบและแยกเสียงให้ถูกต้อง แล้วให้ผู้เรียนฝึกฟังความหมายในประโยค
ประเด็นที่สาม
The Audio-lingual
Method (
วิธีสอนแบบฟัง-พูด )
การเรียนวิธีดังกล่าวควรเริ่มต้นจากการฟัง-พูด และนำไปสู่การอ่าน-การเขียน
ควรใช้ภาษาที่เป็นภาษาจริงที่เจ้าของภาษาใช้พูดกันจริง
และสามารถเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษาด้วย การสอนแบบนี้เน้นการท่องจำบทสนทนา การฝึกอ่าน
และการเขียน
การสอนแบบเงียบ ( The silent Way ) เน้นความรู้ความเข้าใจของผู้เรียน ให้ผู้เรียนคิดเอง ผู้สอนจะต้องพูดให้น้อยที่สุด เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ทักษะความคิดความเข้าใจที่จะค้นพบกฎเกณฑ์ทางภาษาด้วยตนเอง ผมคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดี เพราะจะทำให้เด็กใช้ทักษะการคิดมากประเด็นต่อมา การสอนตามแนวธรรมชาติ ( The
Natural Approach )
ซึ่งเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติโดยไม่มีใครสอน เพื่อพัฒนาทักษะทางภาษา เพื่อการสื่อสาร
และวิธีการสอนแบบอื่น ๆ อีกหลายแบบ คือ
วิธีการสอนแบบชักชวน ( Suggestopedia ), วิธีการสอนตอบสนองด้วยท่าทาง, การสอนแบบร่วมมือ ( Cooperative learning ), การเรียนรู้แบบเน้นภาระงาน ( Task-Based Learning ), การเรียนรู้จากการทำโครงงาน ( Project-Based Learning ), แนวการสอบภาษาแบบกำหนดสถานการณ์, แนวการสอบภาษาเพื่อการสื่อสาร, การสอนที่เน้นสาระการเรียนรู้,
การจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ
และสิ่งที่วิทยากรเน้นมากที่สุด
คือ Flipped Classroom
การสอนแบบ
The Flipped
Classroom (
ห้องเรียนกลับด้าน )
เป็นวิธีการสอนที่กำลังเป็นที่นิยม
เพราะสอดรีบกับวิธีสร้างการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
คือ ไม่ต้องการให้ผู้เรียนท่องเก่ง
แต่ต้องการให้ผู้เรียนใฝ่เรียนรู้และรู้วิธีการเรียนรู้ ครูจะต้องสอนแต่สิ่งที่สำคัญ แล้วให้เด็กสามารถนำไปต่อยอดองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง จากที่ครูเคยป้อนข้อมูลให้ทั้งหมด ครูก็เป็นเพียง Coach หรือ Facillfor เพื่อฝึกให้เด็กได้ปฏิบัติจริงและเกิดการเรียนรู้แบบ Active
learning
จากข้อมูลข้างต้นถือเป็นการสรุปการอบรมในภาคเช้า เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชาการ คือ
การสอนในรูปแบบต่าง ๆ ในศตวรรษที่
21
ซึ่งทั้งที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
คือ Flipped Classroom
เพื่อต้องการให้เด็กสามารถคิดและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง เกิดการเรียนรู้แบบ Active
learning
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น