วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

learning log 12 นอกห้องเรียน

Learning  log  12 ( นอกห้องเรียน )
                ผมได้ยินข้อความจากโทรทัศน์  เป็นประโยคคำถาม  คือ  “เพราะอะไรจึงชอบ ? “  จากข้อความดังกล่าวทำให้ผมย้อนคิดเกี่ยวกับตัวเองว่าทำไมเราจึงชอบภาษาอังกฤษ  เพราะอะไร ?  และคำตอบที่ได้  คือ  ผมคุ้นชินกับภาษาอังกฤษมาแต่ยังเล็ก  เพราะป้าเป็นครูสอนภาษาอังกฤษและชอบซื้อหนังสือที่สอนภาอังกฤษมาให้ผมตลอด  และเมื่อผมโตก็ได้รู้ถึงความสำคัญของภาอังกฤษ  ผมจึงคิดทบทวนดู  สาเหตุที่ผมชอบอาจเพราะอยากสื่อสารได้  อยากมีงานดี ๆ ทำ
                ทักษะทางภาษาอังกฤษที่ผมคิดว่าผมถนัด  คือ  การอ่านออกเสียง  แต่ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญแค่การอ่าน  ผมยังคงฝึกทุก ๆ ทักษะ  เพราะทักษะทางภาอังกฤษเกือบทุกทักษะมักจะโยงเข้าด้วยกัน  จึงทำให้ฝึกแต่ละครั้งได้ทักษะอย่างน้อยไม่ต่ำจากสองทักษะ  และการฝึกบ่อย ๆ จะทำให้เราคุ้นชินจนอาจเกิดเป็น  skills  และติดตัวเราไปเรื่อย ๆ และจากการฝึกฝนทักษะทางภาษาอังกฤษภายในหนึ่งสัปดาห์  สามารถสรุปได้ดังนี้
                21  ตุลาคม  2558  ได้ฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษจาก  www.youtube.com  คำแสดงภาษาอังกฤษแบบบริติช / สตีเฟ่นโอปป้า  ในการพูดภาษาอังกฤษ  คำแสลงถือว่าเป็นเรื่องที่ยากในการแปลภาษาอังกฤษสำหรับตัวผมมาก  เพราะถ้าบางครั้งเราแปลตรงตัวมันอาจแปลแล้วเนื้อหาออกมาไม่สวยงาม  เช่น  Give   me  a  bell  =  Call  me,  Dog’s  bollocks  ถ้าเราแปลตรงตัวจะแปลว่า  “ไข่หมา”  แต่ในภาษาแสลงจะแปลว่า  ดีมาก
                และอีกคำหนึ่งที่ผมชอบและสนใจ  คือ  Fancy  ถ้าแปลตรงตัว  มันคือ  จินตนาการ  ( n )ไม่ธรรมดา  ( adj.)  แต่ในคำแสลง  มันคือ  Like  เช่น  What  do  you  fancy  for  dinner  tonight ?  และนี้อาจเป็นปัญหาสำหรับเด็กไทย  เพราะถ้าเราไม่รู้คำแสลง  มันอาจทำให้เราสื่อความไม่ได้
                22  ตุลาคม  2558  ฝึกภาษาอังกฤษจาก  www.youtube.com  เรื่อง  [ Vlog  Talk ]  คำภาษาอังกฤษที่คนไทยชอบอ่านผิดมาตลอด จากวิดีโอ  คือ  คนไทยส่วนมากมักออกเสียงผิด  และบางครั้งอาจคิดว่าตัวเองพูดสำเนียงอังกฤษดีและชัด  แต่บางครั้งออกเสียงผิดมาตลอด  ในความคิดของผมผมคิดว่าถ้าเรากลัวว่าจะออกเสียงผิด  เราก็ควรเปิด  dictionary  เพราะในปัจจุบัน  dictionary   อยู่กับเราทุกที่  เพราะมันอยู่ในสื่อ  IT  ที่เราใช้ทุกวัน
                คำที่คนไทยมักออกเสียงผิด  ได้แก่  Sword  =  / sord /,  comfortable  คนไทยมักออกเสียงว่า  “คอมฟอเทเบิล”  แต่มันต้องออกเสียงว่า  คอมฟ์-เทเบิล  / KAMFB  tabat /,  Error  คนไทยมักพูดว่า  “เออ-เช่อ”  แต่ในความจริงต้องออกว่า  “แอ-เร่อ”  / r เป็น  แต่  ไม่ใช้  แต่  3  คำนี้ยังมีคำอื่น ๆ อีกมายมากที่ยังคงออกเสียงผิด  ถ้าไม่อยากให้ผิดควรเปิดคำอ่านดู
                24  ตุลาคม  2558  ฝึกการอ่านออกเสียงจากเรื่อง  Three  Mischief  Friends  และด้วยเนื้อเรื่องเป็นรูปแบบของประโยค  past  simple  tense  ทำให้กริยาส่วนใหญ่จะเติม  -ed  ตอนแรกผมคิดว่าจะฝึกเพื่ออ่านแล้วแปลเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว  แต่เมื่อเห็นคำศัพท์ก็เลยฝึกย้ำคำศัพท์ที่เติม  -ed  เช่น  lived,  wanted,  washed,  cooked,  saved,  talked  เป็นต้น
                และจากคำศัพท์ที่ฝึกออกเสียง  ผมยังกลัวออกเสียงผิด  เลยเปิดดูวิธีการออกเสียง  -ed  จากอินเตอร์เน็ต  สามารถสรุปได้ดังนี้
1.             –ed  ที่เติมหลังตัวเสียงก้อง  ให้ออกเสียง  / d /
2.             –ed  ที่เติมหลังตัวเสียงไม่ก้อง  ให้ออกเสียง  / t /
3.             –ed  ที่เติมหลังตัวเสียง  / t /, / d / ให้ออกเสียง  / id /
25  ตุลาคม  2558  ฝึกภาษาอังกฤษจาก  lcarningenglish.voanews.com  ซึ่งเป็นการฝึกทักษะการฟังและการอ่าน  และเรียนรู้แกรมมาจากเว็บไซต์จะโลบรกมข่ากต่าง ๆ  ของต่างประเทศทั่วโลกมารวมกัน  เมื่อใช้ฝึกทักษะการฟังและการอ่าน  จากที่ผมได้ฝึกทักษะจากเว็บไซต์นี้  โดยการเปิดข่าวที่สนใจ  จากนั้นจะขึ้นข้อมูลข่าวและมีเสียงสำหรับเปิดไปพร้อม ๆ กับการอ่านข้อความ
ขั้นตอนการฝึกของผม  ผมจะเปิดไฟล์เสียงแล้วดูข้อความตามไปพร้อม ๆ กับเสียง  1  รอบ  หลังจากนั้นผมก็อ่านด้วยตัวเอง  1  รอบ  โดยไม่เปิดไฟล์เสียง  และหลังจากนั้นก็เปิดแต่ไฟล์เสียงอย่างเดียว  โดยไม่ต้องอ่าน  แล้วฟังไปเรื่อย ๆ สิ่งที่ผมได้เรียนรู้  คือ  ทักษะการอ่านว่าการเน้นจังหวะหรือออกเสียงอย่างไร  ก็สามารถตรวจเช็คจังหวะจากไฟล์เสียงว่า  คำนี้ออกเสียงอย่างไร-ความช้าเร็วระดับใด  แต่ในไฟล์เสียงมีการพูดเร็ว  บางครั้งผมก็อาจตามไม่ทัน  เลยต้องข้ามคำเพื่อให้ทัน  อาจเป็นเพราะ  skill  ยังไม่ดีพอ  และได้เรียนรู้ไวยากรณ์  ส่วนมากจะเป็นประโยค  present  simple  tense
               
26  ตุลาคม  2558  จากวันนี้ได้ลองฝึกทักษะทางภาอังกฤษจากเว็บไซต์ที่ลองฝึกของเมื่อวาน  โดยวิธีการเดียวกัน  แต่วันนี้สำเนียงการออกเสียงช้ากว่าเมื่อวานและฟังง่ายกว่า  ส่วนทักษะที่ได้เรียนรู้ก็คือ  การฟัง  การอ่าน  และสิ่งที่ได้นอกเหนือ  คือ  คำศัพท์  เพราะจากข่าววันนี้จะเป็นเรื่องกีฬาและจะมีคำศัพท์ที่ใช้ในวงการกีฬา  เช่น  prospects,  league  ซึ่งต่อยอดโดยการค้นหาคำศัพท์  เกิดเป็นทักษะการใช้  dictionary  อีกด้วย
27  ตุลาคม  2558  ได้ฝึกทักษะทางภาษาอังกฤษโดยการพูดสื่อสารกับครูสอนภาอังกฤษในช่วงมัธยมของผม  แต่ใช้สื่อสารโดยภาษาอังกฤษ  เขาบอกผมว่าเขารู้สึกดีใจที่ผมใช้ภาษาอังกฤษกับเขา  เพราะไม่มีใครใช้ภาษาอังกฤษแบบนี้กับเขามานานแล้ว  แต่การพูดของผมผมไม่ได้ยึดติดกับหลักไวยากรณ์  แค่ใช้ภาษาง่าย ๆ ในการสื่อสารพอเข้าใจได้ก็พอ  ซึ่งจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
จากการสื่อสารดังกล่าวทำให้ผมได้ฝึกทักษะการพูดและการฟัง  ซึ่งการฟังไม่ใช่แค่ฟังเสียงอย่างเดียว  แต่เราจะต้องประมวลให้เป็นภาษาพื้นฐานของเรา  ทำให้เราเข้าใจ  ซึ่งเป็นทักษะที่ยากพอสมควร  จากการสนทนาได้เนื้อหาประมาณ  I  think  about  the  story  of  the  past  I  missed  school,  students  and  friends.  I  fell  lonely  when  I  stay  at  home.  และจากข้อความซึ่งเป็นคำพูดของครูหลังจากที่เขาเกษียณอายุราชการ 
จากการฝึกทักษะมาหนึ่งอาทิตย์  ซึ่งประกอบด้วยหลายทักษะ  ทั้งการพูด  การฟัง  การอ่าน  รวมถึงการใช้ภาษาในสถานการณ์จริง  ผมคิดว่าถึงไม่ได้ฝึกอย่างจริงจังมากนัก  แต่ก็สามารถพัฒนาการใช้ทักษะทางภาษาของผม  เพราะผมคิดว่าการจะเก่งภาไม่ใช่แค่ฝึกแค่  1-2  วัน  แต่จะต้องฝึกตลอดและเรียนรู้ตลอด  และจากหนึ่งสัปดาห์ของการฝึก  สิ่งที่ผมชอบมากที่สุด  คือ  การสนทนากับครูผู้เคยสอนภาษาอังกฤษตอนมัธยม  เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงที่ได้ใช้ภาษาจริง
               


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น